สร้างธุรกิจใหม่

สร้างธุรกิจใหม่

ธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ เป็นวิธีการที่ผู้ประกอบการนิยมดำเนินการมากที่สุด เพราะสามารถมีอิสระในการเลือก องค์ประกอบของธุรกิจให้เป็นไปตามแนวคิดของตนเองได้ แต่การก่อตั้งธุรกิจขึ้นมาใหม่จะมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ดังนั้นเราควรมีวิธีดำเนินการที่ถูกต้องและรอบคอบก็จะ ช่วยลดความเสี่ยงนั้นลงได้ดังต่อไปนี้

      1. ต้องแน่ใจว่าสินค้าและบริการที่จะนำเสนอแก่ลูกค้าสามารถตอบสนองความต้องการ ของลูกค้าเป้าหมายได้จริง และขนาดของตลาดใหญ่พอที่จะลงทุนแล้วมีกำไรอยู่รอดได้

      2. อัตรากำไรจากการดำเนินงานมีมากพอสมควรแก่การลงทุน

      3. ธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่จะต้องมีความได้เปรียบเชิงแข่งขัน ( Competitive Advantage)เหนือกว่าคู่แข่งที่มีอยู่แล้ว

      4. การบริหารงานแบบเป็นทีม ซึ่งแต่ละคนในทีมมีความสามารถเฉพาะด้านมากพอที่จะจัดการกิจการอย่างถูกต้อง ตามหลักการ เช่นจัดตั้งแบบห้างหุ้นส่วน หรือ บริษัทจำกัด ที่มีผู้บริหาร หลายคนแต่ละคนดูแลเฉพาะด้าน

      5. ผู้บริหารธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ควรเป็นผู้มีประสบการณ์ในสิ่งที่ต้องทำ บ้าง หรืออาจเป็นผู้ที่เคยก่อตั้งธุรกิจอื่นมาก่อนหน้านี้

      6. มีเงินทุนดำเนินงานที่พอเพียง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมากมาย

      7. ลักษณะของการดำเนินงานเป็นแบบพึ่งพาอาศัยกับธุรกิจอื่น หรือเป็นพันธมิตรซึ่งกันและกันที่จะสามารถร่วมมือกันผลิตสินค้าและบริการ แล้วขยายตลาด ให้กว้างไกลกว่าท้องถิ่นเดิม จนอาจกลายเป็นธุรกิจข้ามชาติก็ได้ในระยะยาว

      8. ธุรกิจกับผู้ประกอบการ มีความเหมาะสมลงตัวกันพอดี

 

How+to+Start+and+Keep+a+Limited+Partnership

 

ขั้นตอนการเริ่มต้นการประกอบการการก่อตั้งธุรกิจขึ้นมาใหม่

      1. ทำการวิเคราะห์ตลาด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำเป็นอันดับแรก ถ้าไม่มีความต้องการของตลาดก็ไม่มีหนทางสำหรับความสำเร็จ การวิเคราะห์ตลาดเพื่อทราบถึงความต้องการของ ลูกค้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการทางสถิติที่เสียค่าใช้จ่ายสูง อาจทำได้อย่าง ๆ แต่ผลลัพธ์ต้องเชื่อถือได้เพื่อให้แน่ใจว่าสมควร แก่การลงทุนเปิดกิจการอย่างแท้จริง คุ้มค่ากับการลงทุน และสามารถประกอบกิจการอยู่รอดได้ในระยะยาว

      2. ทำการวิเคราะห์จุดเด่นของการแข่งขัน ธุรกิจใหม่ต้องมีจุดเด่นที่เหนือกว่าธุรกิจที่มีอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นด้าน ราคาขายที่ถูกกว่า หรือคุณภาพที่ดีกว่า หรือการบริการลูกค้าให้พึงพอใจ ได้มากกว่า โดยที่จุดเด่นนั้นต้องชัดเจนและมีคุณค่าสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

      3. คำนวณต้นทุนการก่อตั้งและแสวงหาเงินทุนมาใช้ดำเนินการเริ่มต้นธุรกิจ ต้นทุนบางประเภทเกิดขึ้นครั้งเดียว เช่นต้นทุนการซื้อที่ดิน และก่อสร้างสำนักงาน แต่ต้นทุนบางประเภทจะขึ้น เรื่อย ๆเช่นค่าประกันภัย ค่าวัสดุสิ้นเปลืองใช้ไป ต้องมีการเผื่อเงินไว้สำหรับกรณีมีค่าใช้จ่ายบางประการที่คาดไม่ถึง ไม่ได้เตรียมไว้ก่อน หรือกรณีวัสดุเกิดขึ้นราคาซึ่งจะทำให้ต้องใช้เงินมาก กว่างบที่ตั้งไว้ ผู้ประกอบการจึงต้องคำนึงถึงสภาพคล่องของกิจการในระยะเริ่มต้นให้ถี่ถ้วน เนื่องจาก ระยะนั้นรายได้จะต่ำจนไม่สามารถคุ้มทุนได้ เงินสำรองใช้จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเพราะเป็น เงินทุนหมุนเวียนส่วนใหญ่ของธุรกิจ

      ค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ ได้แก่ ค่าที่ดินและก่อสร้างอาคาร ค่าอุปกรณ์เครื่องมือ และเครื่องจักร ค่าสินค้าคงคลัง ค่าจดทะเบียน และค่า ธรรมเนียมใบอนุญาตตามกฎหมาย ค่าลิขสิทธิ์ ค่าตกแต่งและปรับปรุงสถานที่ เงินมัดจำโทรศัพท์และมิเตอร์ไฟฟ้า ค่าประกันภัย ค่าวัสดุสิ้นเปลืองใช้ไป เงินสำรองจ่ายในกิจการ ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เข้าด้วยกันแล้ว ควรตั้งยอดสำรองไว้ 10 % เผื่อไว้ด้วย

      4. เลือกรูปแบบของการก่อตั้งทางกฎหมายที่เหมาะสมจะจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือ ไม่ ในรูปแบบธุรกิจเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทจำกัด

      5. เลือกทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม ถ้าเป็นธุรกิจที่ลูกค้าจะเข้ามาติดต่อเอง เรื่องของทำเลที่ตั้งจะสำคัญมากเพราะต้องสะดวกแก่การไปมาหาสู่ ถ้าเป็น ธุรกิจที่ใช้วิธีออกไปติดต่อลูกค้าเป็น ส่วนใหญ่ ทำเลที่ตั้งจะลดความสำคัญลงและปัจจุบันมีการสื่อสารโทรคมนาคมที่ก้าวหน้าให้ เลือกใช้ได้หลายทาง เช่น การขายโดยใช้ พาณิชย์อิเลคทรอนิคส์ที่ไม่ต้องมีหน้าร้านแสดงสินค้า

      6.วางแผนการตลาดให้ลูกค้ารู้จักธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่นี้อย่างรวด เร็ว โดยบอกรายละเอียดสินค้าและบริการ ราคา สถานที่วางจำหน่าย ด้วยการ โฆษณาหรือประชาสัมพันธ์อันจะมีรายละเอียดในบทที่ว่าด้วยการจัดการด้านการ ตลาดจึงมีความไม่แน่นอน มากกว่า โลกแห่งความฝัน เราจึงต้องมีการวางแผนกันต่อไป

4 วิธี พาธุรกิจสู่ มหานครแห่งความสำเร็จ

ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญที่บรรดานักธุรกิจหน้าใหม่ต่างไขว่คว้า สำหรับยุคปัจจุบัน การสร้างธุรกิจใหม่ให้เจริญเติบโตและประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไป

…มาดูขั้นตอนหลักๆ ที่เจ้าของกิจการควรทำกันครับ

1. วางแผนธุรกิจ

เจ้าของกิจการหลายคนบอกว่าตัวเองไม่มีความรู้ในการวางแผนการบริหารธุรกิจเลย จะทำได้อย่างไร?

- คุณ เพียงรู้จุดเด่น-จุดด้อยของธุรกิจ เพื่อนำไปพัฒนาต่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ เพราะแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จจะตอบได้ว่าความแตกต่างที่คู่แข่งไม่มีทาง เหมือนเขาแน่นอนคืออะไร! และพวกเขาจะไม่นิ่งเฉยหากรู้ว่ากำลังด้อยคู่แข่งในเรื่องใดอยู่ เช่น คู่ชกอุตสาหกรรมไอที ระหว่าง “แอปเปิ้ล กับ ซัมซุง” 2 แบรนด์นี้ทำให้เห็นการแข่งขันในข้อเด่น-ด้อยได้อย่างชัดเจน
- ควรรู้ว่าจะทำอย่างไรให้มีคนรู้จักแบรนด์ของคุณ ข้อนี้อาจจะต้องพูดในเรื่อง การทำการตลาด เจ้าของธุรกิจต้องมีแผนในการโปรโมท ว่าจะ โฆษณาในรูปแบบอะไร? ในช่องทางไหน? ซึ่งในปัจจุบันการโฆษณาออนไลน์เป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจควรให้ความสำคัญ เช่น กาแฟเนเจอร์กิฟ สร้าง Viral Clip แบบฮาๆ บน Youtube และ Facebook ด้วยการพลิกผู้ชายธรรมดาๆ ให้เป็น บอยแบนด์ ด้วยเพลง “ฉันหล่อไป” เพื่อสื่อว่าเป็นผู้ชายธรรมดา แค่ดื่มกาแฟเนเจอร์กิฟ ก็หุ่นดีมีเสน่ห์ได้
- จากข้อที่ผ่านมา ธุรกิจจะต้องรู้จัก พบปะกับสื่อกลาง ที่จะสามารถกระจายสินค้า/บริการสู่ผู้บริโภคได้ เช่น ร้านค้า หรือถ้าเป็นช่องทางออนไลน์ ก็เป็นเว็บไซต์ไหน
- มองภาพรวมไปยังอนาคตที่ดีกว่า เพราะเมื่อมีการวางแผนการดำเนินงานแล้ว คุณควรประเมินว่าจะสามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ไหม

2. 
วิเคราะห์ลูกค้า

การเก็บข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ธุรกิจสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงตามความต้องการได้ดีที่สุด จริงหรือไม่?

- คุณ ต้องสังเกตุและรับรู้ให้ได้ ว่าตลาดมีความต้องการอะไร ... การสังเกตุ และเก็บข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการคิดจะทำธุรกิจ จับกระแสในปัจจุบันว่าเป็นแบบไหน เช่น ช่วงหน้าฝนปีนี้..กลุ่มเป้าหมายที 1 คนต้องการร่ม / กลุ่มเป้าหมายที่ 2 แฟนคลับดาราที่ดังมากตอนนี้ สินค้าอะไรที่มีรูปดาราคนนี้ จะซื้อหมด ดังนั้นจึงมีธุรกิจที่ผลิตร่มลายดารา

แต่ไม่ใช่ว่า พอทำสินค้าแบบที่ตลาดต้องการออกมาแล้ว สินค้าจะขายได้ ยังไงก็ไม่เจ๊ง ซึ่งไม่ใช่เลย!! ”

- ทุกคนต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ต้องตรวจสอบว่าลูกค้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับสินค้าคุณดี เช่น ทำข้อมูลสอบถาม
- ยอมรับคำวิจารณ์ และรองรับความผิดพลาดได้ หากมีข้อตำหนิมา ต้องรีบปรับปรุงแก้ไข
- สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้า การสอบถามบ่อยๆ และปรับปรุงแก้ไขตามความต้องการ ลูกค้าจะเห็นถึงการใส่ใจ ทำให้รู้สึกเชื่อในสินค้ามากขึ้น

**ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ อย่าเพิ่งมุ่งไปยังแผนที่วางไว้ตอนแรก เพราะบางทีผลการวิเคราะห์ตลาดจากกลุ่มเป้าหมาย อาจทำให้คุณต้องสร้างหรือปรับแผนดำเนินงานใหม่ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด**

3. แสวงหาโอกาสใหม่ๆ อยู่เสมอ

บันไดขั้นต่อไป ที่จะทำให้ได้ก้าวไปยืนอยู่ท่ามกลางมหานครความสำเร็จได้นั้น ไม่ได้วิ่งมารอคุณเอง!! คุณต้องไขว่คว้าที่จะได้ก้าวบันไดด้วยตัวเองให้ได้!!

- กล้าตัดสินใจ
ธุรกิจเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่เป็นประเภทเดียวกับคุณ และแตกต่างจากธุรกิจคุณ จึงทำให้การแข่งขันสูง ดังนั้นการตัดสินใจเป็นเรื่องสำคัญมาก คุณต้องกล้าตัดสินใจ เพราะในหลายครั้ง ถ้าลังเลเกิดตัดสินใจช้า อาจทำให้คุณเสียโอกาสที่จะประสบความสำเร็จไปในพริบตา
- รู้จักประยุกต์
อย่าเพิ่งคิดว่าธุรกิจประเภทอื่น ไม่ใช่คู่แข่ง การเอาความต้องการตลาดมาต่อยอด เป็นเรื่องสำคัญในความก้าวหน้า เพราะถ้าวันนี้ คุณบอกว่าคุณประสบความสำเร็จกับสินค้าตัวนี้แล้ว ทุกคนอยากได้ ทุกคนซื้อ... แต่ในอนาคต ความอยากของคน สามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นควรรู้จักประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่ในธุรกิจตลอด เพื่อรองรับความต้องการใหม่ๆของลูกค้า

4. สร้างให้บุคลากร “รัก” และ “เข้าใจ” ในองค์กร

พนักงาน เป็นเสมือนด่านแรกๆ ที่จะสร้างความประทับใจให้ลูกค้า การปลูกฝัง และให้ความสำคัญกับทีมงานจำเป็นมากกับเจ้าของกิจการ...
ถ้าคุณอยากให้พนักงานมอบความจริงใจกับลูกค้า ก็ต้องจริงใจกับเพื่อนร่วมทีมในองค์กรเช่นกัน ดังนั้นการรักและเข้าใจเกิดจากบุคลากรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรจะเป็นผู้ สร้างจิตสำนึกรักองค์กรขึ้นด้วยตัวเอง เมื่อพนักงานรู้สึกดีกับองค์กรแล้ว จะสามารถทำให้ลูกค้ามองเห็นภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร และรู้สึกประทับใจ การปลูกฝัง และให้ความสำคัญกับทีมงานเป็นสิ่งที่จำเป็นมากกับเจ้าของกิจการ

ทั้ง 4 หัวข้อหลักๆ เป็นสิ่งสำคัญในการพาธุรกิจสู่เมืองที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยความสำเร็จที่นักธุรกิจควรทำ ... อย่าท้อนะครับ  (( ถ้าคุณมองว่ายาก มันก็จะยาก และคุณก็จะยังไม่เริ่มทำ )) การ เห็นธุรกิจมากมายที่อยู่ในมหานครที่ประสบความสำเร็จแล้วอยู่ไกลๆ จงถามตัวเองว่า อยากก้าวไปให้ถึงที่แห่งนั้นไหม? ถ้าคำตอบคือใช่... เริ่มเลย!!ปรึกษาเรื่องการทำการตลาดออนไลน์แบบครบกับเราได้ฟรี โทร 02-934-3402 หรือ กรอกข้อมูลที่ช่อง ปรึกษาทีมงาน ด้านล่าง แล้วผู้เชี่ยวชาญจะติดต่อไปหาคุณครับ เราพร้อมที่จะช่วยธุรกิจคุณ

4 สิ่ง วางแผนธุรกิจในอีก 10 ปีข้างหน้า

ถ้าถามถึงว่าในอีก 10 ปี ข้างหน้า สภาวะเศรษฐกิจของไทยจะเป็นอย่างไร จะดีขึ้นหรือแย่ลง มันเป็นสิ่งที่บอกไม่ได้เลยเพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต เจ้าของธุรกิจหลายท่านคงจะคิดว่า
เอาตอนนี้ให้รอดให้ดีกว่าไหม” ก่อนที่จะไปนึกถึงอนาคต คำพูดนี้จริงอยู่ ว่ามันเป็นเรื่องของอนาคตแต่คงจะดีกว่าถ้าคุณวางแผนให้กับธุรกิจคุณไว้ล่วงหน้า 10 ปี

ซึ่งจริงๆแล้ว  4 สิ่ง ที่เรากำลังจะ พูดต่อไปนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจควรจะใส่ใจ หรือหันมาใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจังสักทีเพราะถ้าเริ่มทำตั้งแต่ตอน นี้ ปัญหาที่คาดว่าอีก 10 ปี จะเกิดก็อาจไม่เกิดเลยก็ได้

1. ต้องเข้าใจธุรกิจตัวเอง

               เจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่มักจะบอกตัวเองว่า  ฉันเป็นเจ้าของ ดังนั้นฉันจะรู้ดีที่สุด ว่าธุรกิจฉันเป็นอย่างไร ต้องทำความเข้าใจกันสะใหม่นะครับว่า ความเข้าใจไม่ใช่แค่รู้ว่าธุรกิจทำอะไร ขายอะไร มีบริการอะไร แต่ต้องรู้ลึกเข้าไปอีกถึงจุดแข็ง จุดด้อย จุดดี จุดเด่น ของธุรกิจและสินค้าหรือบริการของตนเอง กลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร ธุรกิจอย่างเราเหมาะกับอะไร หรือไม่เหมาะกับอะไร ถ้าคำถามเบื้องต้นเหล่านี้ยังไม่สามารถตอบได้ ธุรกิจคุณนั้นถึงขั้นวิกฤตแล้ว คุณต้องกลับไปทำความเข้าใจกับธุรกิจของคุณ เพราะการรู้จักธุรกิจของตัวเอง เวลามีปัญหาอะไรก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากที่สุด

2. 
อย่ามัวแต่หาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่าด้วย

               ถามว่าการรักษาลูกค้าเก่าถือเป็นการวางแผนล่วงหน้า 10 ปีอย่างไร สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจคืออะไร?? คำตอบที่ได้เลยคือ ลูกค้า!! ใช่เลยยลูกค้า ถ้าไม่มีลูกค้าก็จะไม่มีร้านค้าเกิดขึ้นใหม่มากมายแบบนี้  แต่การหาลูกค้าไม่ใช่เรื่องยาก การรักษาลูกค้าเก่าไว้ได้ต่างหาก คือสิ่งทีทำยากกว่า  เหมือนกับประโยคที่ว่า การได้แชมป์ไม่ใช่ที่ยาก การรักษาแชมป์เป็นสิ่งที่ยากกว่า ถ้าสมมุติว่า ต่อไปข้างหน้าอีก 10 ปี มีสินค้าที่ออกมาเหมือนกับของเราทุกอย่างเลย คุณก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าสินค้าร้านใหม่นั้นจะแยกลูกค้าไปจากคุณ  ถ้ารักษาลูกค้าเก่าไว้ได้อย่างดีก็ไม่ต้องกลัวว่าลูกค้าจะลดน้อยลงไป

3. เตรียมแผนไว้หลายๆแผน

               คนเป็นเจ้าของธุรกิจที่ดีต้องรู้จักมองการไกล ต้องมองผลในระยะยาว ต้องทำตัวเหมือนเป็นนักพยากรณ์ผู้หยั่งรู้อนาคตได้ ลองคำนวณดูซิว่า ต่อไปอีก5 ปี ธุรกิจเราจะเป็นอย่างไร อีก10 ปีธุรกิจเราจะไปยืนอยู่ตรงจุดไหน และคิดเผื่อไว้เลยจะต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง เมื่อเรามองเห็นภาพกว้างๆของธุรกิจในอนาคตแล้ว ทีนี้ถึงขั้นตอนที่เราต้องหาทางออกว่า ถ้าเราเจอปัญหาหรือวิกฤตแบบนี้ ธุรกิจจะวิ่งไปทางไหนดี ถ้าจะแบบนี้จำทำยังไงต่อดี เหมือนการทำแผนสำรองเอาไว้ ขนาดเล่นกีฬายังมีตัวสำรองเลย แล้วทำไมการทำธุรกิจถึงจะไม่มีแผนสำรองละ เกิดวันดีคืนดี เจอปัญหาแบบที่คิดไว้เข้า อาจจะไม่ต้องรอถึง 5 ปีก็ได้นะ แต่เรามีแผนรับมือได้ก็ไม่ต้องก่วงว่าจะผ่านปัญหานั้นไปไม่ได้

4. 
พยายามคิดหาสิ่งใหม่ๆเสมอ

               โลกของธุรกิจมันมีเทรนด์ของมันตลอด ทำไมรถต้องมีรุ่นใหม่ ทำไมมือถือถึงออกรุ่นใหม่ มีฟีเจอร์ใหม่มาตลอด ก็เพราะว่าโลกมันหมุนเร็วขึ้น ของทุกอย่างพึ่งวางขายอีกไม่กี่เดือนก็กลายเป็นของนอกกระแสไปเสียแล้ว ดังนั้นถ้าจะคิดวางแผนในอีก 10 ปีข้างหน้าจริงๆ การกำหนดสินค้าตัวใหม่หรือการทำโปรโมชั่นใหม่ๆ คิดไว้อย่างหรือสองอย่างคงจะไม่พอ ข้อนี้อยากให้เจ้าของธุรกิจคิดไว้ตลอด ว่าเราจะปรับเปลี่ยนสินค้าหรือบริการของเราให้ทันยุคทันสมัยได้อย่างไรบ้าง แต่ที่สำคัญก็อย่าละเลยสินค้าที่มีอยู่แล้ว และอย่าลืมจุดแข็งของธุรกิจว่าเราเกิดมีรายได้ได้จากธุรกิจตัวไหน วินค้าแบบไหน อย่ามัวแต่นั่งดูว่าเทรนด์นี้กำลังมาต้องรีบจับไว้ ทำได้แต่อย่าละเลยของเก่าที่ดีอยู่แล้ว

การวางแผนให้ธุรกิจในอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะฟังดูแล้วเป็นเรื่องที่ยาวไกล แต่พอเอาเข้าจริงๆแต่ละปีแป๊บๆก็ผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ถ้าเราจะมัวแต่มานั่งคิดว่ามันอีกนานยังไม่ถึงเวลาหรอก คุณรู้ได้อย่างไรว่าคู่แข่งทางการตลาดเดียวกับคุณไม่ได้ทำวางแผนในอีก 10 ปี หรือ 15 ปีข้างหน้า การวางแผนถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้นำมาใช้จริงหรือนำมาได้ไม่ตรงตามที่วางไว้ อย่างน้อยเราก็มีแผนในมือ เกิดมีปัญหาก็ไม่ต้องมาปวดหัวอีก

ส่วนใครที่ยังไม่เริ่มทำ แต่มีแผนไว้อยู่แล้วก็เริ่มเลยนะครับความสำเร็จต้องรอให้ใครมามอบให้ อยู่ที่เราเอง ถ้าเราสร้างเองความสำเร็จก็เกิดขึ้นกับตัวคุณเองครับ

ข้อมูลอ้างอิง: incquity.com